swot อาจารย์ทรรศนะ
หน้า 1 จาก 1
swot อาจารย์ทรรศนะ
หวัดดี วิชานี้น่าจะง่ายกันเนอะ
งั้นเรามีข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ มานำเสนอ
ถูกบ้างผิดบ้างก็ช่วยแก้กันหน่อยนะ....
ขั้นตอนที่ 1 Reserch ( R) (อาจาร์ยทรรศนะ)
1. วิเคราะห์ swot
แบ่งได้เป็น 2 สถานการณ์
1.1 สถานการณ์ภายใน (S,W) (รู้เรา) คืออะไรที่องค์กรสามารถควบคุม/กำหนด/กำกับ/ดูแลได้ เช่น คน/งบประมาณ/คุณภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดยกำหนดได้เป็น
S – จุดแข็ง (ข้อได้เปรียบภายในของเรา) เช่น แบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก / ผลิตภัณฑ์หาซื้อได้ง่าย / ต้นทุนสินค้าต่ำทำให้มีกำไรสูง / พนักงานมีความรู้ความสามารถ / การให้บริการที่ดี /การบริหารงานภายในองค์กร / การบริการหลังการขาย / ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคได้รับ เป็นต้น
W – จุดอ่อน (ข้อเสียเปรียบภายในของเรา) เช่น อาจจะตรงข้ามกับจุดแข็งที่ยกตัวอย่างเช่น เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก / ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายเฉพาะที่หาซื้อยาก / พนักงานขายไม่มีความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์และให้บริการไม่สุภาพ เป็นต้น
1.2 สถานการณ์ภายนอก (O,T) คือสิ่งแวดล้อมที่องค์กรไม่สามารถควบคุมได้ (รู้เขา) โดยใช้หลักการของ Five Force เข้ามาเป็นเกณฑ์ในการวิเคาระห์ดังนี้
1. สังคม (DEMO)
ประชากรศาสตร์ เช่น เพศ / อายุ / วัฒนธรรม / รายได้ เป็นต้น ยกตัวอย่าง รายได้ของประชากรมีผลต่อการซื้อสินค้าของแต่ละบุคคล หรือ ชุมชมที่มีประชากรอิสรามอาศัยอยู่มากจะไม่บริโภคเนื้อหมู ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อหมูจึงสามารถขายได้หรือขายได้น้อยในชุมชนนี้ เป็นต้น
2. เศรษฐกิจ เช่นสภาวะเงินฟืด / เงินเฟ้อ / รายได้ต่อครัวเรือน / สภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
3. เทคโนโลยี (ลูกค้ามีการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจึงต้องรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อการแข่งขันของคู่แข่ง) / การเปิดตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
4. แรงพลักดันทางการแข่งขัน แบ่งเป็น 4 ประเภท (ตามหนังสือ) แค่เราไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่อาจาร์ยสอนเปล่าอะ....ลองเปรียบเทียบระหว่างในหนังสือกับที่อาจารย์สอนให้ดูแล้วกันนะ
แบบหนังสือ
- ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
- ตลาดการแข่งขันแบบกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (สินค้าลักษณะคล้ายคลึงกันสามารถใช้แทนกันได้ เช่น ชาสามารถดื่มแทนกาแฟได้ในกรณีที่กาแฟหมดได้) เป็นต้น
- ตลาดแข่งขันแบบกึ่งผูกขาด (สินค้าในอุตสาหกรรม) เช่น ปูน / น้ำมัน / สุรา เป็นต้น
- ตลาดผูกขาด เช่น ไฟฟ้า / ประปา เป็นต้น
แบบของอาจาร์ย (ช่วงนี้เราหลับอะไม่รู้จะเหมือนอาจารย์สอนเปล่าอะ)
ส่วนแบ่งทางการตลาดมีดังนี้ (ตามแผนภูมิวงกลมที่อาจารย์สอน)
- ตลาดคู่แข่งขันขนาดใหญ่ (40%)
- ตลาดคู่แข่งขันที่ทำซ้ำ(House brand / copy) (30%)
- ตลาดผู้ตาม (ผลิตภัณฑ์ไหนขายดีก็จะผลิตมาขายบ้าง) (20%)
- ตลาดรายย่อย (10%)
**** ง่าย ๆ คือเราต้องรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในตลาดไหนใครคือคู่แข่งขัน (อะไรประมาณนั้นอะ)
5. กฎหมาย คือข้อบังคับต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อดูแล และคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งองค์กรหรือผู้ผลิตสินค้าจะทำผิดไม่ได้ เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ / กฎหมายการส่งเสริมการขาย (การโฆษณา) เป็นต้น
หลังจากนั้นเราก็มาวิเคราะห์ว่าทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้อะไรที่จะเป็น (O,T) โอกาส และอุปสรรค์ขององค์กร เช่น
O – โอกาส คือสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร เช่น 1. การได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากรัฐบาล (วันหยุดพิเศษให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย) / 2.สภาวะเศรษฐ์กิจที่ดีทำให้ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น / ผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าสนใจของตลาดภายนอกประเทศ เป็นต้น
W – อุปสรรค์ คือสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นผลเสียต่อองค์กร เช่น สภาวะเศษฐกิจไม่ดีทำให้ประชากรส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย / ผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมทำให้มีการลอกเลียนแบบสูง / รัฐบาลยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในการพลักดันธุรกิจรายย่อยเท่าที่ควร เป็นต้น
***ในโจทย์ข้อเดียวกันสามารถเป็นได้ทั้งจุดแข็ง/จุดอ่อน/โอกาส/อุปสรรค์ ขึ้นอยู่กับการวิเคาระห์ของแต่ละบุคคล
จบการวิเคาระห์ swot ถ้าผิดพลาดหรือมีอะไรจะแนะนำเพิ่ม ช่วยบอกกันหน่อยนะครับ ขอบคุณ (ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการนำไปใช้ในห้องสอบนะครับถ้าไม่กลัวผิด)
งั้นเรามีข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ มานำเสนอ
ถูกบ้างผิดบ้างก็ช่วยแก้กันหน่อยนะ....
ขั้นตอนที่ 1 Reserch ( R) (อาจาร์ยทรรศนะ)
1. วิเคราะห์ swot
แบ่งได้เป็น 2 สถานการณ์
1.1 สถานการณ์ภายใน (S,W) (รู้เรา) คืออะไรที่องค์กรสามารถควบคุม/กำหนด/กำกับ/ดูแลได้ เช่น คน/งบประมาณ/คุณภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดยกำหนดได้เป็น
S – จุดแข็ง (ข้อได้เปรียบภายในของเรา) เช่น แบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก / ผลิตภัณฑ์หาซื้อได้ง่าย / ต้นทุนสินค้าต่ำทำให้มีกำไรสูง / พนักงานมีความรู้ความสามารถ / การให้บริการที่ดี /การบริหารงานภายในองค์กร / การบริการหลังการขาย / ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคได้รับ เป็นต้น
W – จุดอ่อน (ข้อเสียเปรียบภายในของเรา) เช่น อาจจะตรงข้ามกับจุดแข็งที่ยกตัวอย่างเช่น เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก / ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายเฉพาะที่หาซื้อยาก / พนักงานขายไม่มีความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์และให้บริการไม่สุภาพ เป็นต้น
1.2 สถานการณ์ภายนอก (O,T) คือสิ่งแวดล้อมที่องค์กรไม่สามารถควบคุมได้ (รู้เขา) โดยใช้หลักการของ Five Force เข้ามาเป็นเกณฑ์ในการวิเคาระห์ดังนี้
1. สังคม (DEMO)
ประชากรศาสตร์ เช่น เพศ / อายุ / วัฒนธรรม / รายได้ เป็นต้น ยกตัวอย่าง รายได้ของประชากรมีผลต่อการซื้อสินค้าของแต่ละบุคคล หรือ ชุมชมที่มีประชากรอิสรามอาศัยอยู่มากจะไม่บริโภคเนื้อหมู ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อหมูจึงสามารถขายได้หรือขายได้น้อยในชุมชนนี้ เป็นต้น
2. เศรษฐกิจ เช่นสภาวะเงินฟืด / เงินเฟ้อ / รายได้ต่อครัวเรือน / สภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
3. เทคโนโลยี (ลูกค้ามีการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจึงต้องรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อการแข่งขันของคู่แข่ง) / การเปิดตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
4. แรงพลักดันทางการแข่งขัน แบ่งเป็น 4 ประเภท (ตามหนังสือ) แค่เราไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่อาจาร์ยสอนเปล่าอะ....ลองเปรียบเทียบระหว่างในหนังสือกับที่อาจารย์สอนให้ดูแล้วกันนะ
แบบหนังสือ
- ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
- ตลาดการแข่งขันแบบกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (สินค้าลักษณะคล้ายคลึงกันสามารถใช้แทนกันได้ เช่น ชาสามารถดื่มแทนกาแฟได้ในกรณีที่กาแฟหมดได้) เป็นต้น
- ตลาดแข่งขันแบบกึ่งผูกขาด (สินค้าในอุตสาหกรรม) เช่น ปูน / น้ำมัน / สุรา เป็นต้น
- ตลาดผูกขาด เช่น ไฟฟ้า / ประปา เป็นต้น
แบบของอาจาร์ย (ช่วงนี้เราหลับอะไม่รู้จะเหมือนอาจารย์สอนเปล่าอะ)
ส่วนแบ่งทางการตลาดมีดังนี้ (ตามแผนภูมิวงกลมที่อาจารย์สอน)
- ตลาดคู่แข่งขันขนาดใหญ่ (40%)
- ตลาดคู่แข่งขันที่ทำซ้ำ(House brand / copy) (30%)
- ตลาดผู้ตาม (ผลิตภัณฑ์ไหนขายดีก็จะผลิตมาขายบ้าง) (20%)
- ตลาดรายย่อย (10%)
**** ง่าย ๆ คือเราต้องรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในตลาดไหนใครคือคู่แข่งขัน (อะไรประมาณนั้นอะ)
5. กฎหมาย คือข้อบังคับต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อดูแล และคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งองค์กรหรือผู้ผลิตสินค้าจะทำผิดไม่ได้ เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ / กฎหมายการส่งเสริมการขาย (การโฆษณา) เป็นต้น
หลังจากนั้นเราก็มาวิเคราะห์ว่าทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้อะไรที่จะเป็น (O,T) โอกาส และอุปสรรค์ขององค์กร เช่น
O – โอกาส คือสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร เช่น 1. การได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากรัฐบาล (วันหยุดพิเศษให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย) / 2.สภาวะเศรษฐ์กิจที่ดีทำให้ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น / ผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าสนใจของตลาดภายนอกประเทศ เป็นต้น
W – อุปสรรค์ คือสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นผลเสียต่อองค์กร เช่น สภาวะเศษฐกิจไม่ดีทำให้ประชากรส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย / ผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมทำให้มีการลอกเลียนแบบสูง / รัฐบาลยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในการพลักดันธุรกิจรายย่อยเท่าที่ควร เป็นต้น
***ในโจทย์ข้อเดียวกันสามารถเป็นได้ทั้งจุดแข็ง/จุดอ่อน/โอกาส/อุปสรรค์ ขึ้นอยู่กับการวิเคาระห์ของแต่ละบุคคล
จบการวิเคาระห์ swot ถ้าผิดพลาดหรือมีอะไรจะแนะนำเพิ่ม ช่วยบอกกันหน่อยนะครับ ขอบคุณ (ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการนำไปใช้ในห้องสอบนะครับถ้าไม่กลัวผิด)
- -- ผู้มาเยือน
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ